ค้นหาบล็อกนี้

หันมาทำเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างไร

คุณแม่อรกับคุณพ่อฉันต์ เริ่มทำเกษตรเชิงเดียว ช่วงปี 2537-2552 ได้ผลผลิตดี แต่ขายได้ในราคาต่ำ จึงเกิดหนี้สินตามมา เมื่อปี 2553 มีผู้ใหญ่บ้านได้ชวนแม่อร ให้เป็นตัวแทนของหมู่บ้าน ไปอบรมศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน ฯ เจ้าหน้าที่แนะนำให้ทำเกษตรผสมผสาน คือ ปลูกทุกอย่าง

กลับมาจากการอบรม แม่อรเล่าให้สามีฟังว่า เราต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่ พร้อมปรึกษากันจะเริ่มต้นอย่างไรดี ได้ตัดสินใจสู้อีกครั้งไปยืมเงินกับลุง ในหมู่บ้านจำนวน 1,000 บาท แต่คุณลุงให้ยืมเงินถึง 30,000 บาท เพื่อเป็นทุนในการทำเกษตรแบบผสมผสาน ซื้อเมล็ดพันธุ์พืชและค่าเช่าที่ 10 ไร่

ตอนลงมือทำครั้งแรกปลูกพืชระยะสั้น ผักสวนครัว พริก มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว ต้นหอม ได้ผลผลิตแต่สถานการณ์เป็นแบบเดิม คือขายได้ในราคาที่ถูก ช่วงนั้นทั้งกินทั้งแจกจ่ายให้คนในหมู่บ้าน

จึงคุยกับสามีว่า เราต้องว่างแผนการขายใหม่ คือจะต้องปลูกแล้วขายในช่วงที่สินค้ามีราคาสูง แม่อร ไปสอบถามแม่ค้าในตลาด พืชผักต่าง ๆ มีราคาแพงช่วงไหน จดใส่สมุด 1 เล่ม จากนั้นกลับมาวางแผนการปลูกใหม่ ให้ทันขายในช่วงที่มีราคาแพง

ปลูกเท่าเดิม ได้ผลผลิตเท่าเดิม แต่ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ทำให้มีรายได้จากการขายพักใน ปี 2554 ทั้งหมดประมาณ 700,000 บาท จนสามารถใช้หนี้ทั้งหมดได้ภายใน 1 ปี

ต่อมา ปี 2555-2556 ได้วางแผนการปลูก การขายอย่างรอบคอบ จึงมีรายรับทั้งหมดประมาณ 1,000,000 บาท

ปี 2557 ซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่ ประมาณ 200,000 บาท ติดกับคลองน้ำชลประทาน มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี เริ่มทำเป็นเกษตรผสมผสาน และซื้อที่ดินไว้สำหรับทำนาข้าวอีก 6 ไร่ บริเวณใกล้เคียงกัน

บทความ mo.skn

บทความ 1Poverty